Paring: Mingyu x Wonwoo [SEVENTEEN]
Author: PAR
-------------------------------------------------------------
“…อู”
“....” นั่นใครอ่ะ
“วอนอู!”
“...” ทำไมหล่อ
“จอนวอนอู!!!”
“โอ้ย!” ซี้ดด
อะไรวะเนี่ย!
“เชี่ยไรเนี่ยซึงชอล!” อยู่ดีๆมาตบกูทำไมวะเฮ้ย
“เรียกไม่ขาน ถามว่ามองอะไร จะไปกินมั้ยข้าวอ่ะ” แม่งถามกูตอนไหนวะ..
จิ้ปากแล้วเบือนหน้าหนี หันไปมองจุดเดิมที่ละสายตามาก็พบกับความว่างเปล่า
ไปแล้ว..
“ยัง ยังอีก” ฮึ่ย ขอกรอกตาซักสามร้อยรอบ
“เออไปๆ แม่ง พลาดเลย” มีอย่างที่ไหนกูเจออาหารตาดีๆมาตบซะวิ๊ง คลาดกันเลยเห็นมั้ย
“พลาดอะไรอ่ะ?”
เลือกที่จะส่ายหน้าเป็นคำตอบให้จีซูก่อนจะออกเดินนำไปยังโรงอาหาร พอหาที่นั่งเสร็จสรรพก็อาสาเป็นคนนั่งจองโต๊ะแล้วฝากซึงชอลซื้อข้าว แว่วเสียงด่าว่ากินแรงเพื่อนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
ทำโทษที่มึงทำให้กูคลาดสายตาจากน้องคนนั้น
ไม่ใช่อะไร อยู่มาสองปีไม่เค้ยไม่เคยจะเจอใครหน้าตาดีขนาดผู้ชายคนเมื่อกี้มาก่อนในมหาวิทยาลัย ดูอย่างพวกที่เดินๆอยู่ด้วยกันนี่ซิ เห็นสาวน้อยและฟลาวเวอร์บอยหลงใหลได้ปลื้มกันนักหนา ในขณะที่กูคิดว่า มันหล่อตรงไหน
ล้อเล่น ก็หน้าตาดีแหละ แต่ก็เห็นจนเบื่อแล้วไง อีกอย่างสำหรับจอนวอนอูแบบพวกมันนี่ไม่ได้เรียกว่าหล่อ แต่มีสวย เท่ น่ารัก อะไรก็ว่าไป
อย่างว่าแหละ สเป็คคนเรามันไม่เหมือนกัน
จอนวอนอู ชอบเข้มๆ ..แบบน้องคนเมื่อกี้ ต้องอยู่ปีหนึ่งแน่ๆ
เป็นที่ฟ้าบังเอิญหรือตั้งใจ มันเกิดขึ้นจริงๆหรือฝันไป เดินออกมาจากห้องเรียนจะไปกินข้าวกลางวันเหมือนปกติชีวิต สมองกำลังคิดว่าจะกินกะเพราหมูกรอบหรือก๋วยเตี๋ยวดี สายตาก็ไปป๊ะกับใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำชาย
เห็นแล้วอยากอุทานเป็นคำหยาบ
กูว่ากูหล่อละนะ แต่น้องคนนั้นแม่ง..
สองขาก้าวเดินแต่มือคว้าไปจับชายเสื้อซอกมินที่เดินอยู่ข้างหน้าโดยอัติโนมัติกันไม่ให้ตัวเองเดินหลงกับเพื่อนหรือไปสะดุดอะไรเข้า สายตาเอี้ยวกลับไปมองเด็กหนุ่มคนนั้นไม่วางตา
ใจเต้นอ่ะ บอกเลย
แต่ก็นั่นแหละ เหมือนสวรรค์แกล้ง ซึงชอลดันมาฟาดผัวะเข้ากลางกระหม่อม เพิ่งมองได้แปบเดียวเอง ถ้าได้เจออีกสัญญาว่าจะมองให้ทะลุ
ถ้าน้องบอกว่าพี่มองหน้าหาเรื่องใช่มั้ย พี่ก็จะถามว่าเอาเรื่องไหน เรื่องของพี่หรือเรื่องของเรา
“โต๊ะนี้มีคนนั่งมั้ยครับ”
เพ้อไปเรื่อยก็มีเสียงถามดังขึ้นข้างๆ พอเงยหน้าขึ้นไปมองเท่านั้นแหละ เหมือนมีหมัดหนักๆชกเข้าที่หน้าอก มือขวาเผลอจิกขอบโต๊ะ พอแก้วแม่แก้ว ..น้องคนนั้นว่ะ
สูดหายใจเข้ากระพริบตาสามที เสียงล่ะ เสียงกูไปไหน ลองกระแอมแล้วยกหลังมือขึ้นเช็ดปากก่อนจะเค้นเสียงตอบออกไป
“ไม่มีครับ นั่งเลย”
วิ๊ง.. วิ๊งแล้วตอนนี้ เสียงทุ้มแบบเท่ๆ ที่บอกขอบคุณยังไม่พีคเท่าน้องเขาเล่นยิ้มจนเห็นเขี้ยว
โอ้โหจังหวะนี้ขอยาดม ลุกลี้ลุกลนอยู่สักแปบจีซูกับซึงชอลก็เดินกลับมาที่โต๊ะ เผ่นครับ กูเผ่นก่อนเลย ขอถอยไปตั้งหลักแปบ มองไกลๆ ว่าหล่อแล้วพอได้เห็นใกล้ๆ นี่อยากเอาส้อมในจานข้าวเพื่อนมากระซวกอกตัวเองยื่นหัวใจให้น้องเขาไปเลย
ยืนลูบหน้าตัวเองอยู่ตรงร้านไก่ย่างสักพักก็สูดหายใจลึกๆ แล้วเดินไปซื้อข้าว ระหว่างต่อแถวแอบเขย่งมองโต๊ะตัวเอง
ฉิบหายหนัก
ทำไมพวกมึงต้องเว้นที่ไว้ให้กูนั่งติดน้องเขาอ่ะ เห็นแบบนี้เก่งระยะไกลนะครับ ถ้าให้เข้าใกล้ขนาดไหล่แทบจนชนไหล่นี่กูเหมือนถ่านหมดนะ ที่พูดดีไปตอนแรกนั่นล้อเล่น เรื่องของพี่เรื่องของเราอะไรไม่มีทั้งนั้น
ได้ข้าวแล้วด้วยเนี่ย พยายามเดินให้ช้าๆ ขอทำใจก่อน มันแบบ ตื่นเต้นอ่ะ จะเก็บอาการได้มั้ย ถ้ากินข้าวหกเลอะเทอะทำไง ถ้าทำส้อมหล่นทำไง ถ้าหันไปมองบ่อยๆ จนน้องเขารู้ตัวทำไง
ยากละ กูยากละ เดินวนกลับไปอ้อมโรงอาหารซักรอบดีมั้ยเผื่อน้องเขาจะกินเสร็จพอดี.. ก็บ้าละ ทำได้ที่ไหน
นั่งก็นั่งวะ!
.
.
.
.
Author: PAR
-------------------------------------------------------------
“…อู”
“....” นั่นใครอ่ะ
“วอนอู!”
“...” ทำไมหล่อ
“จอนวอนอู!!!”
“โอ้ย!” ซี้ดด
อะไรวะเนี่ย!
“เชี่ยไรเนี่ยซึงชอล!” อยู่ดีๆมาตบกูทำไมวะเฮ้ย
“เรียกไม่ขาน ถามว่ามองอะไร จะไปกินมั้ยข้าวอ่ะ” แม่งถามกูตอนไหนวะ..
จิ้ปากแล้วเบือนหน้าหนี หันไปมองจุดเดิมที่ละสายตามาก็พบกับความว่างเปล่า
ไปแล้ว..
“ยัง ยังอีก” ฮึ่ย ขอกรอกตาซักสามร้อยรอบ
“เออไปๆ แม่ง พลาดเลย” มีอย่างที่ไหนกูเจออาหารตาดีๆมาตบซะวิ๊ง คลาดกันเลยเห็นมั้ย
“พลาดอะไรอ่ะ?”
เลือกที่จะส่ายหน้าเป็นคำตอบให้จีซูก่อนจะออกเดินนำไปยังโรงอาหาร พอหาที่นั่งเสร็จสรรพก็อาสาเป็นคนนั่งจองโต๊ะแล้วฝากซึงชอลซื้อข้าว แว่วเสียงด่าว่ากินแรงเพื่อนแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
ทำโทษที่มึงทำให้กูคลาดสายตาจากน้องคนนั้น
ไม่ใช่อะไร อยู่มาสองปีไม่เค้ยไม่เคยจะเจอใครหน้าตาดีขนาดผู้ชายคนเมื่อกี้มาก่อนในมหาวิทยาลัย ดูอย่างพวกที่เดินๆอยู่ด้วยกันนี่ซิ เห็นสาวน้อยและฟลาวเวอร์บอยหลงใหลได้ปลื้มกันนักหนา ในขณะที่กูคิดว่า มันหล่อตรงไหน
ล้อเล่น ก็หน้าตาดีแหละ แต่ก็เห็นจนเบื่อแล้วไง อีกอย่างสำหรับจอนวอนอูแบบพวกมันนี่ไม่ได้เรียกว่าหล่อ แต่มีสวย เท่ น่ารัก อะไรก็ว่าไป
อย่างว่าแหละ สเป็คคนเรามันไม่เหมือนกัน
จอนวอนอู ชอบเข้มๆ ..แบบน้องคนเมื่อกี้ ต้องอยู่ปีหนึ่งแน่ๆ
เป็นที่ฟ้าบังเอิญหรือตั้งใจ มันเกิดขึ้นจริงๆหรือฝันไป เดินออกมาจากห้องเรียนจะไปกินข้าวกลางวันเหมือนปกติชีวิต สมองกำลังคิดว่าจะกินกะเพราหมูกรอบหรือก๋วยเตี๋ยวดี สายตาก็ไปป๊ะกับใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำชาย
เห็นแล้วอยากอุทานเป็นคำหยาบ
กูว่ากูหล่อละนะ แต่น้องคนนั้นแม่ง..
สองขาก้าวเดินแต่มือคว้าไปจับชายเสื้อซอกมินที่เดินอยู่ข้างหน้าโดยอัติโนมัติกันไม่ให้ตัวเองเดินหลงกับเพื่อนหรือไปสะดุดอะไรเข้า สายตาเอี้ยวกลับไปมองเด็กหนุ่มคนนั้นไม่วางตา
ใจเต้นอ่ะ บอกเลย
แต่ก็นั่นแหละ เหมือนสวรรค์แกล้ง ซึงชอลดันมาฟาดผัวะเข้ากลางกระหม่อม เพิ่งมองได้แปบเดียวเอง ถ้าได้เจออีกสัญญาว่าจะมองให้ทะลุ
ถ้าน้องบอกว่าพี่มองหน้าหาเรื่องใช่มั้ย พี่ก็จะถามว่าเอาเรื่องไหน เรื่องของพี่หรือเรื่องของเรา
“โต๊ะนี้มีคนนั่งมั้ยครับ”
เพ้อไปเรื่อยก็มีเสียงถามดังขึ้นข้างๆ พอเงยหน้าขึ้นไปมองเท่านั้นแหละ เหมือนมีหมัดหนักๆชกเข้าที่หน้าอก มือขวาเผลอจิกขอบโต๊ะ พอแก้วแม่แก้ว ..น้องคนนั้นว่ะ
สูดหายใจเข้ากระพริบตาสามที เสียงล่ะ เสียงกูไปไหน ลองกระแอมแล้วยกหลังมือขึ้นเช็ดปากก่อนจะเค้นเสียงตอบออกไป
“ไม่มีครับ นั่งเลย”
วิ๊ง.. วิ๊งแล้วตอนนี้ เสียงทุ้มแบบเท่ๆ ที่บอกขอบคุณยังไม่พีคเท่าน้องเขาเล่นยิ้มจนเห็นเขี้ยว
โอ้โหจังหวะนี้ขอยาดม ลุกลี้ลุกลนอยู่สักแปบจีซูกับซึงชอลก็เดินกลับมาที่โต๊ะ เผ่นครับ กูเผ่นก่อนเลย ขอถอยไปตั้งหลักแปบ มองไกลๆ ว่าหล่อแล้วพอได้เห็นใกล้ๆ นี่อยากเอาส้อมในจานข้าวเพื่อนมากระซวกอกตัวเองยื่นหัวใจให้น้องเขาไปเลย
ยืนลูบหน้าตัวเองอยู่ตรงร้านไก่ย่างสักพักก็สูดหายใจลึกๆ แล้วเดินไปซื้อข้าว ระหว่างต่อแถวแอบเขย่งมองโต๊ะตัวเอง
ฉิบหายหนัก
ทำไมพวกมึงต้องเว้นที่ไว้ให้กูนั่งติดน้องเขาอ่ะ เห็นแบบนี้เก่งระยะไกลนะครับ ถ้าให้เข้าใกล้ขนาดไหล่แทบจนชนไหล่นี่กูเหมือนถ่านหมดนะ ที่พูดดีไปตอนแรกนั่นล้อเล่น เรื่องของพี่เรื่องของเราอะไรไม่มีทั้งนั้น
ได้ข้าวแล้วด้วยเนี่ย พยายามเดินให้ช้าๆ ขอทำใจก่อน มันแบบ ตื่นเต้นอ่ะ จะเก็บอาการได้มั้ย ถ้ากินข้าวหกเลอะเทอะทำไง ถ้าทำส้อมหล่นทำไง ถ้าหันไปมองบ่อยๆ จนน้องเขารู้ตัวทำไง
ยากละ กูยากละ เดินวนกลับไปอ้อมโรงอาหารซักรอบดีมั้ยเผื่อน้องเขาจะกินเสร็จพอดี.. ก็บ้าละ ทำได้ที่ไหน
นั่งก็นั่งวะ!
.
.
.
.
แม่ มันใกล้มากอ่ะ
ใกล้ไป คือน้องเขาตัวใหญ่ด้วยไง นั่งอยู่ตรงนี้กูสูงเท่าหูบนน้องเขาเองมั้ง โอ้ชิท โอ้ชิท
“เป็นไรวะมึง” ซึงชอลที่กินไปได้แล้วครึ่งจานเงยหน้าขึ้นมาถามเพราะเห็นว่าไม่ตักกินซักที นี่ก็เม้มปากมองหน้าเพื่อนแบบขอความช่วยเหลือสุดๆ เห็นคำว่าเมเดในสายตากูมั้ย เห็นมันมั้ย
“แดกเร็วๆ คาบบ่ายมีประชุมชมรมนะเว่ย เดี๋ยวสาย” ฮือ ไอ้เพื่อนเหี้ย
ประเด็นคือกลิ่นน้ำหอมน้องเขาลอยมาถึงเนี่ย ไม่กงไม่กินมันละข้าวอ่ะ จิ้มหมูกรอบกินอย่างเดียวพอ ไม่มีกะจิตกะใจจะเคี้ยว สองหูเงี่ยฟังเสียงน้องเขาคุยกับเพื่อน บางทีก็มีหัวเราะบ้าง ซึ่งเสียงหัวเราะ โคตร น่า รัก
ไม่ไหวแล้วจริงๆ จุดนี้ต้องบอกใครซักคน มันอัดอั้น มันกดดัน ว่าแล้วเท้ายื่นไปสะกิดซึงชอลที่นั่งอยู่ตรงข้าม มันสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง จ้องหน้ามันแล้วเม้มปากขมวดคิ้วนิดๆ ช่วยที ช่วยกูที
“เป็นไร ปวดขี้?”
“ไอ้สัส เปล่า”
“เอ้า ละเป็นไร ดูทำหน้า” สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกรอกตาไปด้านข้างเร็วๆ ตรงที่น้องเขานั่งอยู่
คนนี้แหละซึงชอล น้องคนนี้ชีวิตกูมีปัญหา มึงช่วยกูที
แต่คนที่กำลังสื่อสารกับมันทางสายตาดูจะยังไม่ค่อยเข้าใจ ขมวดคิ้วฉับมองมาแบบ อะไรของมึง คือตากูจะเหล่แล้วเพื่อน เข้าใจเถอะนะ อ่ะเดี๋ยวกูส่งซิกให้อีกซักสองที ชี้ด้วยสายตาว่าน้องคนนี้กำลังเป็นภัยต่อหัวใจกู
ในที่สุดมันก็เก็ท อ้าปากหว๋อพูดว่าอ๋อแบบไม่มีเสียงแล้วเงยหน้าขำ ไอ้ฉิบหาย เตะขาแม่งอีกซักที มีอะไรน่าขำวะ ช่วยกูสิ ช่วยกู
“วอนอู สลับที่กันหน่อยดิ กูจะเอาคลิปให้จีซูดู” ฮ่า!
จุดนี้กูลุกอย่างไว โดดข้ามโต๊ะได้ก็จะทำ แต่ติดตรงที่ทำไม่ได้เลยเดินอ้อมแทน นึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่ายังไงก็ได้ ขอให้ไม่ใช่ที่ข้างๆน้องเขา ทีนี้แหละใจจะได้สงบลง..
ซะที่ไหนล่ะวะ!
แม่งเอ๊ยย
นั่งข้างๆ ว่าบรรลัยแล้ว นั่งเยื้องกันงี้ยิ่งกว่าบรรลัย
ทำไมน่ะเหรอ ก็ขนาดยังนั่งไม่เต็มตูดดีน้องแกเล่นเงยหน้าขึ้นมามองแล้วผงกหัวให้เฉย ประเด็นคือยิ้มด้วย ยิ้มทำไม ยิ้มเพื่ออะไร ถึงกับเสียหลัก คือเกือบหงาย เกือบได้เอาจานข้าวไปคว่ำใส่หัวคนข้างหลัง
นั่งลงปุ๊บก็ถอนหายใจโคตรแรง หมูกรอบจ๋าพี่ขอลาก่อน พี่เจอคนที่ดีกว่าเธอแล้ว พี่อยากจะกินเขาแทนเธอจริงๆ อย่านะ อย่าให้กล้าขึ้นมา พี่จะนั่งเท้าคางมองจนกว่าน้องจะกินเสร็จ มองมุมเยื้องแบบนี้ยิ่งหล่อ โฮลี่ชิท
“งือ” ซุกหน้าลงกับหลังมือแม่ง ไม่อยากรู้ไม่อยากเห็น
คงเสียสติไปแล้วจริงๆ มานั่งเขินคนไม่รู้จักเป็นบ้าเป็นอยู่คนเดียว ให้ตายเถอะ ยังดีที่ไอ้พวกเพื่อนมันคุยเรื่องเกมกัน เลยถือโอกาสเงยหน้าขึ้นมาผสมโรงคุยด้วย จะได้ไม่ประหม่ามาก แต่ก็แอบมองเป็นระยะชนิดที่ห้ามสายตาตัวเองไม่ได้ แทบจะกัดลิ้นตัวเองตายเวลาที่น้องเค้ายิ้มค้างหันมาสบตากันพอดี
คว่ำโต๊ะได้หรือไม่
เห้ยน้อง แม่ไม่ว่าเหรอทำตัวแบบนี้ ไม่เอาดิครับ ไม่ดี ปีหนึ่งต้องใส่ไทด์ทุกวันตามระเบียบไม่ใช่เหรอ ทำไมน้องไม่ใส่มา ปลดกระดุมเม็ดบนสุดแถมพับแขนเสื้อแบบนี้อ่อยพี่ใช่มั้ย พูด
แล้วปากนั่นจะเลียอะไรนักหนา แห้งได้แห้งดีใช่มั้ย ไหนมาจูบซักทีเผื่อมันจะชุ่มชื้นขึ้น มีการแซวเพื่อนแรงๆ จนนี่แอบฟังเงียบๆ ยังอดขำตามไม่ได้ ปากดีเหลือเกิน
กูเนี่ย
ปากดีเหลือเกิน
“มึง ไปยัง” ไม่ไหวแล้วจริงๆ นาทีนี้ต้องสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วออกปากเร่งเพื่อน ถ้านั่งต่อไปอีกแค่นิดเดียวอาจจะโดนผีห่าซาตานมาเข้าสิงให้ตบโต๊ะดังๆ ซักทีแล้วบอกน้องเขาว่า น้องครับ เป็นแฟนกันป่ะ
ซึ่งไม่ดี
ขนาดลุกออกมาแล้วก็เหมือนรู้สึกเหมือนถูกมอง สะกิดถามซอกมินก็ได้คำตอบว่าน้องมองมาจริงๆ จ้องเลยด้วย มิน่า หลังนี่เจ็บไปหมดแล้ว ไม่ใช่เข้าใจว่าที่มองหน้าบ่อยเพราะหาเรื่องเหรอนั่น ถ้าเป็นงั้นนี่หมาเลยนะ เพราะความเป็นคนหน้านิ่งๆ มองก็มองนิ่งๆ จะโดนตั๊นหน้าเพราะเข้าใจว่ามองหาเรื่องมาหลายคนแล้วไงไม่ใช่อะไร
แต่ ณ ตอนนี้น้องเขาไม่ลุกตามมาคว้าคอไปชกหน้าก็ถือว่าคงไม่ได้เข้าใจแบบนั้น
ซอกมินกับจีซูคงยังงงๆ อยู่ว่าเพื่อนตัวเองเป็นอะไร มึงไม่ต้องฉงนอะไรใดๆเว่ย เพื่อนมึงแค่เจอสิ่งเร้าดาเมจรุนแรง บอกก็ไม่พอใจด้วยนะ พอแวะร้านกาแฟใต้ตึกเรียนมีการหันไปถามซึงชอล ห่านี่ก็เล่าซะกูเสีย
“มันจะเป็นอะไร แค่ธาตุเคะแตก” ปากมึงดิจะแตก
“เป็นเอามาก” จีซูที่ถือว่านานๆ จะด่าใครถึงกับพูดใส่
โอ้โหจี๊ด มันจี๊ด เดี๋ยวหลังแหวนแม่ง มึงลองมาเจอแบบกูมั่งมั้ยล่ะ พอจบ เลิกคุย กูงอน สั่งกาแฟปั่นมากิน ตัดการสนทนา คุยกับหลอดยังรู้สึกดีกว่าคุยกับพวกมึงบอกเลย
มือถือกูอยู่ไหนอยากโทรหาแม่มาก อยากบอกวันนี้เจอของดี
“วอนอู” หึ ไม่ต้องมาเรียก กูเล่นตัว
“ขอโทษนะครับ” น่ะ ทำเป็นพูดเพราะ มีการสะกิดไหล่ด้วย กูไม่หัน กูงอน
“พี่ครับ” หืม? พี่?
จังหวะนี้ต้องหันแล้ว เพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไปนี่รู้แน่แล้วว่าไม่ใช่เพื่อนตัวเอง ใครวะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“น้อง..”
“ครับ ผมเอง”
FIN
บรัยย์ 5555555555555555555555555555
จบค่ะ จบจริง ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน
มันไม่มีอะไรเลย สนองนี๊ดตัวเองล้วนๆ
#ฟิคมวแดทบอย
ใกล้ไป คือน้องเขาตัวใหญ่ด้วยไง นั่งอยู่ตรงนี้กูสูงเท่าหูบนน้องเขาเองมั้ง โอ้ชิท โอ้ชิท
“เป็นไรวะมึง” ซึงชอลที่กินไปได้แล้วครึ่งจานเงยหน้าขึ้นมาถามเพราะเห็นว่าไม่ตักกินซักที นี่ก็เม้มปากมองหน้าเพื่อนแบบขอความช่วยเหลือสุดๆ เห็นคำว่าเมเดในสายตากูมั้ย เห็นมันมั้ย
“แดกเร็วๆ คาบบ่ายมีประชุมชมรมนะเว่ย เดี๋ยวสาย” ฮือ ไอ้เพื่อนเหี้ย
ประเด็นคือกลิ่นน้ำหอมน้องเขาลอยมาถึงเนี่ย ไม่กงไม่กินมันละข้าวอ่ะ จิ้มหมูกรอบกินอย่างเดียวพอ ไม่มีกะจิตกะใจจะเคี้ยว สองหูเงี่ยฟังเสียงน้องเขาคุยกับเพื่อน บางทีก็มีหัวเราะบ้าง ซึ่งเสียงหัวเราะ โคตร น่า รัก
ไม่ไหวแล้วจริงๆ จุดนี้ต้องบอกใครซักคน มันอัดอั้น มันกดดัน ว่าแล้วเท้ายื่นไปสะกิดซึงชอลที่นั่งอยู่ตรงข้าม มันสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง จ้องหน้ามันแล้วเม้มปากขมวดคิ้วนิดๆ ช่วยที ช่วยกูที
“เป็นไร ปวดขี้?”
“ไอ้สัส เปล่า”
“เอ้า ละเป็นไร ดูทำหน้า” สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกรอกตาไปด้านข้างเร็วๆ ตรงที่น้องเขานั่งอยู่
คนนี้แหละซึงชอล น้องคนนี้ชีวิตกูมีปัญหา มึงช่วยกูที
แต่คนที่กำลังสื่อสารกับมันทางสายตาดูจะยังไม่ค่อยเข้าใจ ขมวดคิ้วฉับมองมาแบบ อะไรของมึง คือตากูจะเหล่แล้วเพื่อน เข้าใจเถอะนะ อ่ะเดี๋ยวกูส่งซิกให้อีกซักสองที ชี้ด้วยสายตาว่าน้องคนนี้กำลังเป็นภัยต่อหัวใจกู
ในที่สุดมันก็เก็ท อ้าปากหว๋อพูดว่าอ๋อแบบไม่มีเสียงแล้วเงยหน้าขำ ไอ้ฉิบหาย เตะขาแม่งอีกซักที มีอะไรน่าขำวะ ช่วยกูสิ ช่วยกู
“วอนอู สลับที่กันหน่อยดิ กูจะเอาคลิปให้จีซูดู” ฮ่า!
จุดนี้กูลุกอย่างไว โดดข้ามโต๊ะได้ก็จะทำ แต่ติดตรงที่ทำไม่ได้เลยเดินอ้อมแทน นึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่ายังไงก็ได้ ขอให้ไม่ใช่ที่ข้างๆน้องเขา ทีนี้แหละใจจะได้สงบลง..
ซะที่ไหนล่ะวะ!
แม่งเอ๊ยย
นั่งข้างๆ ว่าบรรลัยแล้ว นั่งเยื้องกันงี้ยิ่งกว่าบรรลัย
ทำไมน่ะเหรอ ก็ขนาดยังนั่งไม่เต็มตูดดีน้องแกเล่นเงยหน้าขึ้นมามองแล้วผงกหัวให้เฉย ประเด็นคือยิ้มด้วย ยิ้มทำไม ยิ้มเพื่ออะไร ถึงกับเสียหลัก คือเกือบหงาย เกือบได้เอาจานข้าวไปคว่ำใส่หัวคนข้างหลัง
นั่งลงปุ๊บก็ถอนหายใจโคตรแรง หมูกรอบจ๋าพี่ขอลาก่อน พี่เจอคนที่ดีกว่าเธอแล้ว พี่อยากจะกินเขาแทนเธอจริงๆ อย่านะ อย่าให้กล้าขึ้นมา พี่จะนั่งเท้าคางมองจนกว่าน้องจะกินเสร็จ มองมุมเยื้องแบบนี้ยิ่งหล่อ โฮลี่ชิท
“งือ” ซุกหน้าลงกับหลังมือแม่ง ไม่อยากรู้ไม่อยากเห็น
คงเสียสติไปแล้วจริงๆ มานั่งเขินคนไม่รู้จักเป็นบ้าเป็นอยู่คนเดียว ให้ตายเถอะ ยังดีที่ไอ้พวกเพื่อนมันคุยเรื่องเกมกัน เลยถือโอกาสเงยหน้าขึ้นมาผสมโรงคุยด้วย จะได้ไม่ประหม่ามาก แต่ก็แอบมองเป็นระยะชนิดที่ห้ามสายตาตัวเองไม่ได้ แทบจะกัดลิ้นตัวเองตายเวลาที่น้องเค้ายิ้มค้างหันมาสบตากันพอดี
คว่ำโต๊ะได้หรือไม่
เห้ยน้อง แม่ไม่ว่าเหรอทำตัวแบบนี้ ไม่เอาดิครับ ไม่ดี ปีหนึ่งต้องใส่ไทด์ทุกวันตามระเบียบไม่ใช่เหรอ ทำไมน้องไม่ใส่มา ปลดกระดุมเม็ดบนสุดแถมพับแขนเสื้อแบบนี้อ่อยพี่ใช่มั้ย พูด
แล้วปากนั่นจะเลียอะไรนักหนา แห้งได้แห้งดีใช่มั้ย ไหนมาจูบซักทีเผื่อมันจะชุ่มชื้นขึ้น มีการแซวเพื่อนแรงๆ จนนี่แอบฟังเงียบๆ ยังอดขำตามไม่ได้ ปากดีเหลือเกิน
กูเนี่ย
ปากดีเหลือเกิน
“มึง ไปยัง” ไม่ไหวแล้วจริงๆ นาทีนี้ต้องสะบัดหัวไล่ความคิดแล้วออกปากเร่งเพื่อน ถ้านั่งต่อไปอีกแค่นิดเดียวอาจจะโดนผีห่าซาตานมาเข้าสิงให้ตบโต๊ะดังๆ ซักทีแล้วบอกน้องเขาว่า น้องครับ เป็นแฟนกันป่ะ
ซึ่งไม่ดี
ขนาดลุกออกมาแล้วก็เหมือนรู้สึกเหมือนถูกมอง สะกิดถามซอกมินก็ได้คำตอบว่าน้องมองมาจริงๆ จ้องเลยด้วย มิน่า หลังนี่เจ็บไปหมดแล้ว ไม่ใช่เข้าใจว่าที่มองหน้าบ่อยเพราะหาเรื่องเหรอนั่น ถ้าเป็นงั้นนี่หมาเลยนะ เพราะความเป็นคนหน้านิ่งๆ มองก็มองนิ่งๆ จะโดนตั๊นหน้าเพราะเข้าใจว่ามองหาเรื่องมาหลายคนแล้วไงไม่ใช่อะไร
แต่ ณ ตอนนี้น้องเขาไม่ลุกตามมาคว้าคอไปชกหน้าก็ถือว่าคงไม่ได้เข้าใจแบบนั้น
ซอกมินกับจีซูคงยังงงๆ อยู่ว่าเพื่อนตัวเองเป็นอะไร มึงไม่ต้องฉงนอะไรใดๆเว่ย เพื่อนมึงแค่เจอสิ่งเร้าดาเมจรุนแรง บอกก็ไม่พอใจด้วยนะ พอแวะร้านกาแฟใต้ตึกเรียนมีการหันไปถามซึงชอล ห่านี่ก็เล่าซะกูเสีย
“มันจะเป็นอะไร แค่ธาตุเคะแตก” ปากมึงดิจะแตก
“เป็นเอามาก” จีซูที่ถือว่านานๆ จะด่าใครถึงกับพูดใส่
โอ้โหจี๊ด มันจี๊ด เดี๋ยวหลังแหวนแม่ง มึงลองมาเจอแบบกูมั่งมั้ยล่ะ พอจบ เลิกคุย กูงอน สั่งกาแฟปั่นมากิน ตัดการสนทนา คุยกับหลอดยังรู้สึกดีกว่าคุยกับพวกมึงบอกเลย
มือถือกูอยู่ไหนอยากโทรหาแม่มาก อยากบอกวันนี้เจอของดี
“วอนอู” หึ ไม่ต้องมาเรียก กูเล่นตัว
“ขอโทษนะครับ” น่ะ ทำเป็นพูดเพราะ มีการสะกิดไหล่ด้วย กูไม่หัน กูงอน
“พี่ครับ” หืม? พี่?
จังหวะนี้ต้องหันแล้ว เพราะสรรพนามที่เปลี่ยนไปนี่รู้แน่แล้วว่าไม่ใช่เพื่อนตัวเอง ใครวะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“น้อง..”
“ครับ ผมเอง”
FIN
บรัยย์ 5555555555555555555555555555
จบค่ะ จบจริง ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน
มันไม่มีอะไรเลย สนองนี๊ดตัวเองล้วนๆ
#ฟิคมวแดทบอย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น